ในการทำธุรกิจค้าขาย ย่อมมีช่วงเวลาในการขึ้นไปยังจุดสูงสุดของการขาย ที่สินค้าของเราเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก จนในบางครั้งไม่สามารถจัดหาสินค้าได้ทันความต้องการของลูกค้า แต่เหรียญย่อมมีสองด้าน ไม่มีสิ่งใดที่จะเกิดขึ้นแล้วไม่มีวันดับไป ตามหลักธรรมชาติ เมื่อเกิดภาวะเศราฐกิจขาลง ทำมาค้าขายสิ่งใดก็ไม่ขึ้น จากที่เคยขายดีก็ขายไม่ค่อยได้เนื่องจากลูกค้าเลือกที่จะประหยัดเงินในช่วงภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ แล้วเราในฐานะ พ่อค้าแม่ค้า จะรับมือภับภาวะเศรษฐกิจขาลงอย่างไรดี ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดด้วยการสร้าง 2 ครั้งเสมอ คือสร้างจากโลกภายในและโลกภายในจะสร้างโลกภายนอก ตามหลักของศาสตร์ NLP ดังนั้นสิ่งแรกที่เราต้องทำเลยก็คือ 1. มองโลกในแง่ดี และไม่โทษว่าเป็นความผิดใคร เพื่อให้ตนเองมีสติในการคิดวางแผนกลยุทธ์ในขั้นต่อๆไปเพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ได้ หากเราตกอยู่ในสภาวะกดดันเราก็จะยิ่งหาทางออกไม่ได้ นอกจากนี้ยังทำให้หน้าตาเราผ่องใส ยิ้มแย้ม เมื่อลูกค้าท่านใดเห็นย่อมต้องการซื้อของกับเรา 2. มองในสิ่งที่เรามีและลองคิดว่าจะสามารถทำให้มันดีขึ้นได้อย่างไร นำมาสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจของเราอย่างไร ณ ที่นี้หมายถึงทั้งสินค้าและร้านที่เรามี และทักษะความสามารถของเรา ตลอดจนเครื่องมีทำการตลาดที่เรามี • สินค้าและร้านที่เรามี การลุกขึ้นมาจัดเรียงของในร้านให้ดูสะดุดตาลูกค้า หรือปรับเปลี่ยนบางมุมเพื่อรับพลังงานที่ดีดี นอกจากนี้หากของเก่าที่มีอยู่ในร้านมีจำนวนมาก อาจจะนำออกมาจำหน่ายในราคาสูงกว่าทุนเล็กน้อยเพื่อให้เกิดการหมุนเวียน นอกจากจะเป็นการได้ระบายของแล้วยังเป็นการจัด Promotion ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหาเราที่ร้านมากยิ่งขึ้น • ทักษะและความสามารถของเรา (ที่เป็นประโยชน์) แน่นอนว่าการเป็นพ่อค้าแม่ค้า...

หากคุณกำลังมองหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ โดยการไม่ต้องลงทุนเยอะสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ตั้งร้านขายตามตลาดนัด ขายออนไลน์ หรือ นำมาเพิ่มเป็นสินค้าใกล้เคียงกับสินค้าในร้านของคุณ หนึ่งในสินค้าที่น่าสนใจคือถุงเท้าแฟชั่น เนื่องด้วยเป็นสินค้าที่ลงทุนน้อย คืนทุนเร็ว ดูแลง่ายไม่มีวันหมดอายุ และสามารถขายตัวเองไม่ต้องทำการโฆษณาเยอะ ขอแค่ให้คนรู้ว่าเราทำขายอยู่ที่ไหนก็เพียงพอ เราจึงอยากหยิบยกอาชีพเสริมนี้มาเล่าสู่กันฟังเผื่อเพิ่มเป็นตัวเลือกอาชีพให้คุณได้ โมเดลการขายถุงเท้าแฟชั่น จากตัวอย่างความสำเร็จของ ถุงเท้าแฟชั่น M.Sock ที่สามารถสร้างเงินล้านโดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี เริ่มต้นจากการที่ คุณเอ็ม พรสิทธิ์ แสงเทียน สั่งถุงเท้าในจำนวนน้อยๆ วันละประมาณ 10 โหลมาขายก่อน แต่กลยุทธ์คือนำไปวางขายกับสินค้าที่เข้ากันได้ อย่างร้านรองเท้ามือสองของพี่สาว คุณเพชรลัดดา อาจยุทธ์ ในราคาขายคู่ละไม่กี่สิบบาท ต้นทุนคู่ละไม่ถึงสิบบาทแต่ขายได้ราคายี่สิบกว่าบาท ถือว่าได้กำไร 100% เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังโพสต์ขายบนแฟนเพจด้วย เมื่อขายดีขึ้นจึงตัดสินใจลงทุนอย่างจริงจังโดยการสั่งโดยตรงจากโรงงานจากเมืองจีน ซึ่งมีขั้นต่ำที่ครั้งละ 5,000 โหลใช้เงินในหลักล้านบาทในการลงทุน จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากวางขายปลีกเป็น ขายส่งให้แก่พ่อค้าแม่ค้ามารับไปขายต่อ ได้กำไรอยู่ที่ประมาณ 85 – 240...

กลยุทธ์การขายของตามฤดูกาล ตรงกับภาษาอังกฤษที่ว่า ( Seasonal Marketing Strategy) ความหมายคือ เป็นการทำการตลาดในตามช่วงฤดูกาลหรือเทศกาลด้วยการกระตุ้นยอดขายสินค้า ที่ฉกโอกาสจากเทศกาลมาทำการตลาดเชิงรุก ยกตัวอย่างเช่น ในยามที่มีงานกีฬาอย่างฟุตบอลโลก เครื่องดื่มน้ำอัดลมในรูปแบบกระป๋องก็มักจะผลิตกระป๋องเป็นรูปธงชาติต่างๆเพื่อให้เก็บสะสมเป็นรุ่น limited edition นั่นเอง วันนี้เราจะมาเรียนรู้ว่ากลยุทธ์การขายของตามฤดูกาลมีรูปแบบใดบ้าง เพื่อวิเคราะหฺถึงความเป็นไปได้ที่จะนำมาปรับใช้กับธุรกิจของเรานั่นเอง การตลาดแบบคลาสสิคที่สุดที่สร้างสีสันทางการตลาดได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเราไม่ต้องออกแรงสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้ามากในยามที่ต้องซื้อสินค้าต่างๆในช่วงเทศกาล ดังนั้นกลยุทธ์การขายสินค้าตามฤดูกาลนั้น จึงจัดว่าน่าสนใจนั่นเอง ตัวอย่างเช่น ในช่วงตรุษจีน เราจะเห็นว่าใครๆก็อยากขายขนมเข่ง เนื่องจากใครๆก็ต้องมาซื้อขนมเข่ง นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของการกระตุ้นทางอารมณ์ อย่างเช่น ช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ที่เราต่างต้องการแสดงออกถึงความรักต่อคนที่เรารัก ไม่ว่าจะด้วยดอกกุหลาบ หรือ ช็อคโกแลต ย่อมกลายมาเป็นสิ่งที่ใครก็ต้องการขาย เพราะขายได้ง่ายและเรียกาคาได้นั่นเอง หากอยากจะใช้กลยุทธ์นี้ต้องทำอย่างไร 1. ต้องคอยติดตามว่าจะมีเทศกาลใดเกิดขึ้นและสินค้าของเราสามารถเข้าได้กับเทศกาลนั้นๆ 2. หากหาเทศกาล วันหยุดต่างๆไม่ได้ ก็จัดเทศกาลพิเศษให้ตนเองเลย เช่น การดูหนังในวันพุธจนกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว เมื่อก่อนก็ไม่ได้มีกิจกรรมการดูหนังวันพุธถูกสุด แต่นี่คือการนำกลยุทธ์สร้างเทศกาลมาทุกวันพุธต้องดูหนังถูก จนทำให้ยอดขายตั๋ววันพุธถล่มถลาย 3. มีแผนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เนื่องจากหากเทศกาลมาแล้วก็จะผ่านเลยไปไม่กลับมา...

หลายคนที่มีอาชีพหลักอยู่แล้วแต่รู้สึกว่า เงินเดือนยังไม่พอกิน หรือว่าพอกินแต่ไม่มีเงินเก็บ ทำให้หลายๆ คนเริ่มมองหาอาชีพเสริมง่ายๆ ที่สามารถทำได้พร้อมๆ กับอาชัพหลัก ซึ่งที่นิยมมากๆ นั่นก็คือการขายของออนไลน์ ที่สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่โพสต์ขายของ ในยามว่าง แต่ประเด็นก็คือ จะขายอะไรดี เพราะเดี๋ยวนี้ก็มีขายกันหมดแทบจะทุกอย่าง ทั้งอาหารเสริม เสื้อผ้า เครื่องประดับ วันนี้เราจึงมาแนะนำการขายหนังสือออนไลน์ ซึ่งการสั่งซื้อหนังสือออนไลน์กำลังได้รับความนิยมมาก เพราะทั้งสะดวก และไม่ต้องไปยืนหาหนังสือ บางไปครั้งไปถึงร้าน แต่ร้านหนังสือดันหมด หรือไม่มีมาจำหน่ายก็เสียเวลาเปล่า ดังนั้นร้านขายหนังสือออนไลน์จึงตอบโจทย์ คนที่ชอบอ่านหนังสือได้เป็นอย่างดี ด้วยความหลากหลายของหนังสือ จึงทำให้ร้านขายหนังสือออนไลน์สามารถที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็น ผู้สูงอายุ วัยทำงาน วัยเรียน วัยรุ่น หรือแม้แต่เด็กๆ ดังนั้นร้านขายหนังสือจึงมีโอกาสที่จะทำรายได้สูง สำหรับคนที่ต้องการขายหนังสือมือหนึ่งคงไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะหาหนังสือมาขาย แต่สำหรับมือสองคงต้องหาแหล่งกันหน่อย โดยส่วนใหญ่แล้วแหล่งหนังสือมือสองจะได้รับมาจากร้านหนังสือที่ปิดแล้ว หรือจะเป็นร้านหนังสือที่ขายหนังสือเก่าๆ ทิ้ง และอาจจะประกาศรับซื้อตามอินเตอร์เน็ต ส่วนประเภทของหนังสือมือสองที่ขายได้ส่วนใหญ่จะเป็น หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น หรือหนังสือนิยายนั่นเอง เป็นที่นิยมมากๆ สำหรับวัยรุ่น วัยเรียน...

เครปญี่ปุ่น คือหนึ่งในขนมหวานที่สามารถพบเห็นได้ตามท้องตลาดทั่วไปในประเทศไทย ณ ขณะนี้ โดยมีการแบ่งลักษณะออกเป็นสองประเภทคือ เครปร้อน คือเครปที่ตัวแป้งจะมีความกรอบ ส่วนอีกประเภทหนึ่งคือ เครปเย็น ซึ่งมีลักษณะแป้งที่เหนียวนุ่มและยืดหยุ่นมากกว่า สามารถใส่ไอศกรีม หรือครีมสดต่างๆลงไปได้ ซึ่งในเราจะนำเสนออาชีพการขายเครปเย็นว่าหากคุณต้องการที่จะเริ่มอาชีพในสายนี้จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ตลอดจนปัจจัยที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จ ก่อนอื่นต้องรู้จักรายละเอียดของเครปเย็นเสียก่อน อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าเครปเย็นจะมีลักษณะแป้งที่เหนียวนุ่ม สามารถห่อไอศกรีมหรือครีมต่างๆได้ ซึ่งไส้ของเครปเย็นนั้นก็จะแบ่งได้เป็นสองประเภทคือ • ไส้ของหวาน เช่น ไอศกรีม วิปปิ้งครีม ผลไม้สดต่างๆ อย่างพวกสตอร์เบอรี่ กล้วยหอม กีวี่ คอนเฟลค โอริโอ้ พร้อมกับราดซอสต่างๆ อย่างเช่นนมข้น ช็อคโกแลต หรือสตอร์เบอรี่ เป็นต้น • ไส้ของคาว เช่น แฮม เบคอน ไส้กรอก ชีส ทูน่า พริกเผา หมูยอง ส่วนซอสก็เป็นเป็นจำพวก ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก มายองเนส...